วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

สูตรขนมคอร์นเฟลกฟรุ๊ตทาร์ต (เมนูชุดคอร์นเฟลก Corn Flake Series)

คอร์นเฟลกฟรุ๊ตทาร์ต

 

 

สูตรขนมคอร์นเฟลกฟรุ๊ตทาร์ต

(เมนูชุดคอร์นเฟลก Corn Flake Series)


สำหรับ 5-6 ที่
ระยะเวลาในการทำ 20 นาที

ส่วนผสมคอร์นเฟลกฟรุ๊ตทาร์ต

1. คอร์นเฟลก 100 กรัม
2. เนยสด 1/2 ถ้วย
3. แอ๊บเปิ๊ลแดง 1 ลูก
4. กีวี 1 ลูก
5. สับปะรดกระป๋อง 2 ชิ้น
6. ไอศกรีม/วิปปิ้งครีม ตามชอบ
7. ถ้วยทาร์ต 3206-P 6 ชิ้น

วิธีทำคอร์นเฟลกฟรุ๊ตทาร์ต

1. บดคอร์นเฟลกหยาบๆ ใส่เนยสดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปกรุกับถ้วยทาร์ต 3206 แล้วนำเข้าตู้เย็น 15 นาที เพื่อให้เนยแข็งตัวดี 
2. บีบวิปปิ้งครีมใส่ในถ้วยทาร์ต ตกแต่งด้วยผลไม้สดหรือทานคู่กับไอศกรีม

ขอบคุณสูตรอาหารและภาพประกอบจาก thaibizcenter ค่ะ



บริษัท ยูเนียน อินตา จำกัด

306/2-3 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิทย์ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพ 10200

โทร. 02-623-8161-3       แฟกซ์. 02-221-2389
 
 

Macadamia Browny


Macadamia Browny



ส่วนผสม

น้ำตาลทรายแดง 180 กรัม                         ถาดอลูมิเนียมฟอยล์+ฝา 3417 2 ชิ้น
แป้งเค้ก 90 กรัม
ผงโกโก้ 25 กรัม
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
วนิลาผง 2 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
เนยสด(เค็ม) 90 กรัม
ไข่ไก่ 80 กรัม (เบอร์ 2 ราวๆ 1 1/2 ฟอง)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 85 กรัม (สำหรับผสมในเนื้อขนม) และ 25 กรัม (สำหรับโรยหน้า)
สำหรับสูตรนี้ สามารถใช้ถั่วชนิดอื่นที่มีรสชาติจืดๆ มันๆ แทนเม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้หมดครับ อย่างภาพเปิดเป็น แม็คคาเดเมียนัท ถ้าเป็นถั่วที่คั่วเกลือให้ลดเกลือในสูตรลงเล็กน้อย ราวๆ 1/8 ช้อนชา หรือน้อยกว่า

เริ่มจากการใส่ส่วนผสมแห้งทั้งหมด รวมกัน ในชาม จริงๆสามารถใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์(ส่วนสำหรับผสมในเนื้อขนม) ในขั้นตอนนี้ได้เลย จะเร็วกว่า แต่คราวนี้ผมแยกใส่เพื่อให้เห็นเนื้อส่วนผสม และทำสองถาด ทั้งแบบแม็คคาเดเมียและเม็ดมะม่วง จึงใส่ทีหลัง


แล้วคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันให้หมด ไล่บี้เม็ดน้ำตาลทรายแดง เม็ดแป้ง หรือ เม็ดโกโก้ให้หมด จะใช้วิธีการร่อนก็ได้ โดยร่อนแล้วคว่ำ กระชอนลง เพราะส่วนผสมบางอย่างใหญ่กว่ากระชอน การร่อนจึงทำเพื่อให้ส่วนผสมที่เป็นเม็ดแตกตัวเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ไม่ได้ร่อน ใช้วิธีไล่บี้ส่วนผสมที่เป็นเม็ดด้วยทัพพีแทน


ใส่ส่วนผสมเหลวลงไป นั่นคือเนย และไข่ไก่ หากใช้วนิลาแบบน้ำก็ให้ใส่ไปในขั้นตอนนี้แทน เนยที่ใช้ควรนำออกจากตู้เย็นแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงไปเลย เนยเย็นๆจะทำให้ขนมหนุบ และมีกลิ่นหอมกว่า ช่วงนี้ให้เปิดเตาอบไว้ ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียส


คลุกเคล้าและกวนส่วนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวด้วยพายยางแข็งๆ หรือทัพพี เนื้อขนมจะหนืดมาก วิธีการกวน ให้ทำการไล่บี้เนยที่เป็นก้อนๆ ให้หมด แล้วกวนต่ออีกเล็กน้อย ให้เข้ากัน ไม่ควรกวนนาน เพราะเนยจะเสียความเย็น หากอากาศร้อนหรือจำเป็นต้องกวนนาน ให้นำส่วนผสมไปพักในตู้เย็น ไว้ราวๆ 10 นาทีก่อนอบ


ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือถั่วอื่นๆ ที่ต้องการ ลงไป (หากใส่ในตอนแรกแล้ว ขั้นตอนนี้ก็ให้ข้ามไป) แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถั่วที่ใช้ควรจะสุกแล้ว โดยการคั่ว ทอด หรืออบก็ได้ (ส่วนตัวใช้แบบอบ)


นำไปเกลี่ยลงในถาดฟอยล์ 3417 ให้ความหนาอยู่ราวๆ 1.5 ซม. แล้วโรยหน้าด้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จะได้ขนมราวๆ 2 ถาดกลม ขนาด 7 นิ้ว


นำไปอบ ใช้ระยะเวลาราว 30 นาที ไฟล่างอย่างเดียว หากมีเตาอบไฟบน ให้เปิดไฟบนช่วง 5 นาทีสุดท้าย ก็ได้ครับ เทคนิคอยู่ที่การเช็คสุก คือต้องใช้มือสัมผัสหน้าขนม หากขนมสุก จะให้ความรู้สึกนุ่มมือนิดๆ และรู้สึกได้ถึงความแน่นของเนื้อขนม เนื่องจากโครงสร้างแป้งอยู่ตัวแล้ว แต่หากยังไม่สุก จะฟ่ามคือรู้สึกเหมือนยังมีส่วนที่เหลวๆ อยู่ด้านใน
การเช็คสุกสำคัญมาก เพราะหากขนมสุกเกินไปจะทำให้ได้ขนมที่แข็ง กรอบ หากยังดิบเกินไป จะได้ขนมที่หวาน นิ่ม เยิ้ม แต่หากอบได้พอดี จะได้ขนมที่หนุบหนับ หน้ากรอบเล็กน้อย เนื้อแน่น และรสชาติพอดี
หากแตะหน้าขนมเมื่ออบครบ 30 นาทีแล้ว ยังไม่สุก ให้อบต่ออีก 2 นาทีแล้วแตะหน้าขนมใหม่ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสุก แต่หากแตะหน้าขนมแล้วรู้สึกว่าแข็ง ให้รีบนำออกจากเตา เป่าด้วยพัดลม ให้คลายความร้อน เพราะขนมจะสุกต่ออีกเล็กน้อย
หากขนมสุกพอดีแล้ว ให้ทิ้งไว้ให้เย็นลงในอุณหภูมิห้องตามปรกติ ไม่ต้องแซะออกจากถาด จนกว่าจะเย็น
บราวนี่สูตรนี้เป็นขนมที่มีอายุสั้น แม้จะไม่เสีย แต่การคลายตัวของขนมจะทำให้เนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป จะมีความเป็นคุกกี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือจะกรอบแห้งลง ดังนั้น ควรรับประทานภายใน 3 วัน หากต้องการเก็บรักษาก็ทำได้โดยการห่อด้วย wrap ให้แนบไปกับตัวขนม ไม่ให้น้ำหรืออากาศเข้าออกได้ แล้วแช่เย็นช่องธรรมดา ชั้นล่างๆของตู้เย็น อย่างไรก็ตามคุณภาพของขนมก็ยังคงลดลงตามเวลา เพียงแต่จะช้าลงบ้างเท่านั้น

ขอบคุณสูตรอาหารและภาพประกอบจากคุณ jumjee ห้องก้นครัว พันทิป ค่ะ


บริษัท ยูเนียน อินตา จำกัด

306/2-3 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิทย์ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพ 10200

โทร. 02-623-8161-3       แฟกซ์. 02-221-2389
 

สูตรเบเกอรี่ : บัตเตอร์เค้ก เนื้อเนียนนุ่ม




ส่วนผสม สำหรับ เค้ก 2 ปอนด์
เนยสด (เค็ม) 150 กรัม
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายป่น 170 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง (เบอร์ 2)
แป้งเค้ก 170 กรัม
ผงฟู 2 ช้อนชา
วนิลา 2 ช้อนชา
นมสด(จืด) 100 กรัม
ถาดฟอยล์พร้อมฝา เบอร์ 4571

ก่อนอื่น ก็ร่อนแป้ง ผงฟู และวนิลาผง (ถ้าใช้วนิลาน้ำ ให้นำไปผสมกับส่วนของไข่ไก่นะครับ) เข้ากัน ร่อนแล้ว ก็นำส่วนที่ร่อนแล้วมาร่อนอีกครั้ง (ส่วนใหญ่ผมจะทำ 3 รอบ) เพื่อให้ผงฟูกระจายตัวเข้ากับแป้ง เพื่อลดการเกิดฟองในเค้ก แล้วพักไว้ก่อนนะครับ

ทีนี้ก็นำเกลือป่น กับเนยเย็นๆ มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่โถไว้เลยครับ


แล้วก็ตีเนยด้วยความเร็วต่ำ ไล่ไปเรื่อยๆ ถึงความเร็วสูง (ถ้าตีเร็วเลย เครื่องอาจจะรับโหลดมากไป) ตีเนยจนเนียนดังภาพ ห้ามตีจนเหลวนะ ให้เนยเนียนแต่ยังเย็นอยู่ แตะข้างโถตีดูก็ได้ จะเย็นๆ สังเกตดูจากภาพจะเห็นว่า เนยยังเป็นก้อนเพราะความเย็นอยู่ แต่เนียนพอจะตีเข้ากับน้ำตาลได้แล้ว


เสร็จแล้ว ก็ค่อยๆใส่น้ำตาลป่นลงไป น้ำตาลป่นนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า granulated sugar นะครับ ไม่ใช่ powdered sugar ที่หมายถึงน้ำตาลไอซิ่ง (Icing) นะครับ คนละตัวกันนะ ช่วงนี้ก็ยังตีด้วยความเร็วสูงอยู่ ใส่น้ำตาลป่นไปเรื่อยๆ ตีไปเรื่อยๆ



เมื่อผสมน้ำตาลหมดแล้ว จะได้ครีมฟูเบาดังภาพ ถ้ายังไม่ได้ ก็ตีต่อไปอีกหน่อยครับ



แล้วก็เริ่มใส่ไข่ลงไป ผมใช้เทคนิคการตีไข่เหมือนตีไข่เจียวก่อนครับ แล้วค่อยๆเทลงไปเป็นสายเล็กๆ ทีละนิด ทีละนิด เพื่อให้ได้เนื้อเค้กเนียน เทลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่เปิดเครื่องตีด้วยความเร็วสูงเช่นเดิม


ค่อยๆผสมไข่ลงไปจนหมด จะได้ส่วนผสมเนียนอย่างนี้ครับ ถ้าได้แบบในภาพ เตรียมเฮได้เลยครับ เพราะมีลุ้นว่าเค้กจะสำเร็จ และกินได้ ช่วงนี้ให้วอร์มเตาอบไว้ได้เลย โดยใช้อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส

แล้วก็นำส่วนผสมแป้งที่พักไว้ ใส่ลงไป โดยแบ่งใส่ 3 รอบครับ อย่าใส่พรวดเดียวหมดนะ เค้กจะเหนียว


แล้วกวนด้วยตะกร้อมือหรือตะล่อมด้วยพายยาง ค่อยๆทำอย่างเบามือ จนไม่เห็นเม็ดแป้ง อย่างในภาพ

แล้วจึงใส่นมสดลงไป เช่นเดียวกับแป้ง คือแบ่งใส่นมสด ให้ได้ 3 รอบ ไม่เทพรวดเดียวหมด


กวนให้นมสดเข้ากันกับส่วนผสม แล้วจึงค่อยเติมแป้งลงไป ทำซ้ำสลับกันไปเรื่อยๆ แป้ง นม แป้ง นม แป้ง นม จนหมดแป้งและนมสด จะได้ส่วนผสมพร้อมอบเช่นนี้

เตรียมถาดฟอยล์ โดยไม่ต้องทาไขมันหรือกรุกระดาษไข แต่หากใช้พิมพ์เค้ก (ซึ่งจะหนาและแข็งกว่าถาดฟอยล์) ให้ทาเนยขาวไว้ด้านในพิมพ์ แล้วกรุกระดาษไขด้านใน ทั้งด้านล่างและด้านข้างของพิมพ์


เทส่วนผสมลงไปราวๆ 2 ใน 3 ของพิมพ์

แล้วอบไฟล่างเป็นเวลาราวๆ 50-55 นาที ขึ้นอยู่กับเตาอบ หากมีไฟบนก็สามารถเปิดใช้ ไฟบนไฟล่าง ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เพื่อทำให้หน้าขนมมีสีสวยได้ หากไม่ชำนาญในการใช้เตาอบ ให้ทำการเช็คสุกเมื่ออบไปแล้วราวๆ 40 นาที (หากยังไม่สุก ทำการเช็คสุกซ้ำอีกทุกๆ 5 นาที) โดยใช้ไม้จิ้มฟัน แทงลงตรงศูนย์กลางของเค้ก แล้วยกขึ้นมาดู ถ้าไม่มีเค้กเหลวๆติดออกมา ก็แสดงว่าสุกแล้ว นำออกจากเตาได้เลย


เค้กที่ได้จะมีเนื้อที่ละเอียดมาก หากการผสมส่วนของไข่ไก่ ได้ส่วนผสมที่มีความเนียนละเอียด ไม่มีการแยกตัวของไขมันกับน้ำ


เมื่อเค้กเย็นแล้วให้ปิดฝาแล้วหุ้มขอบฝาด้วยริมฟอยล์ที่เหลือให้แน่น หรือในกรณีที่ไม่มีฝาถาดฟอยล์ หรือใช้พิมพ์เค้ก ให้หุ้มเค้กทั้งถาดหรือทั้งก้อน ด้วยwrap ห่ออาหาร หรือจะใช้ฟอยล์ห่ออาหารก็ได้ หุ้มให้สนิท ไม่ให้มีช่องให้อากาศหรือน้ำเข้าได้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นช่องฟรีส หรือช่องธรรมดา อย่างต่ำ 6 ชั่วโมง หากต้องการเค้กที่รสชาติดี ให้แช่ช่องธรรมดาไว้ 2 อาทิตย์ แล้วนำมาตัดทั้งเย็นๆ (เพื่อให้ตัดได้เรียบสวย ตัดเป็นชิ้นหนาราว 1 ซม. กินทั้งเย็นๆ กับน้ำชา กาแฟ นมสดร้อนๆ อร่อยมากคะ


ขอบคุณสูตรอาหารและภาพประกอบจากคุณ jumjee ห้องก้นครัว พันทิป ค่ะ

 ถาดฟอยล์ 4571-P


บริษัท ยูเนียน อินตา จำกัด

306/2-3 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิทย์ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพ 10200

โทร. 02-623-8161-3       แฟกซ์. 02-221-2389
 

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

สูตรขนมหวานไทย : หม้อแกง


สูตรขนมหวานไทย : หม้อแกง
ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ)              เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง                                             หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม                                            ไข่เป็ด 3 ฟอง
หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก                               ใบเตย 3 ใบ                                            
ถาดฟอยล์ 4202-P
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ )
2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. นำชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก
4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
5. นำส่วนผสมที่ได้ไปกวนด้วยไฟร้อนปานกลางในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็พอ ถ้ากวนมากเมื่อนำไปอบจะ ไม่น่าทานเพราะจะแตกมัน ที่เรานำมากวนก็เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อนำไปอบเนื่องจากไข่กับกะทิ ไม่เข้ากันดี
6. นำส่วนผสมที่กวนแล้วไปอบ โดยใส่ถาดฟอยล์ 4202-P ใช้ความร้อน 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) อบประมาณ 30 - 40 นาที จากนั้นจึงนำหอมเจียวไปโรยหน้าและอบต่ออีกประมาณ 5 นาที
 
 
STAR NO. 4202-P
 

บริษัท ยูเนียน อินตา จำกัด

306/2-3 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิทย์ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพ 10200

โทร. 02-623-8161-3       แฟกซ์. 02-221-2389
 
 

วิธีการใช้ไมโครเวฟกับถาดอลูมิเนียมฟอยล์


ความรู้เกี่ยวกับอลูมิเนียม

ความรู้เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์
อลูมิเนียม อลูมิเนียม เป็นโลหะที่ได้รับการใช้งานมากที่สุดในกลุ่มโลหะ ทั้งนี้เพราะ อลูมิเนียมมีคุณสมบัติ ที่ดีเด่นหลายประการ
  1. มีความเหนียวมาก สามารถขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีต่างๆ ได้ง่าย  
  2. เป็นโลหะที่ไม่มีพิษต่อร่างกาย
  3. ผิวหน้าของ อลูมิเนียมบริสุทธิ์ มีดัชนีการสะท้อนแสงสูงมาก จึงใช้ทำแผ่นสะท้อน ในแฟลชถ่ายรูป , จานสะท้อนแสงในโคมไฟ และไฟหน้ารถยนต์
  4. ทนทานต่อการเกิดเป็นสนิม และการผุกร่อน
  5. ซื้อหาได้ง่าย ในท้องตลาด และราคาไม่แพงนัก
  6. เป็นโลหะที่ยังมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

ถาดอลูมิเนียมฟอยล์
ผลิตจากโลหะผสมของอลูมิเนียมทีมีอลูมิเนียมมากกว่า 90 % วัตถุดิบที่นำมาผลิตเป็นถาดอลูมิเนียมใช้วัตถุดิบฟู้ดเกรด รับรองจากผู้ผลิตอลูมิเนียมฟอยล์ทางยุโรป สามารถสัมผัสอาหารได้ ไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้ เมื่อนำไปใส่ อาหารเพื่อบริโภค
คุณสมบัติของถาดอลูมิเนียม ฟอยล์
ทนอุณหภูมิที่ (-40) องศาเซลเซียส - 280 องศาเซลเซียสจุดหลอมเหลวสูงที่ 600 องศาเซลเซียส ป้องกันการซึมผ่านออกซิเจน เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ถนอมอาหาร ทนกรดอ่อน ๆ ได้ รีไซเคิลได้ เข้าไมโครเวฟได้
การนำอลูมิเนียมไปใช้งาน
เนื่องจากอลูมิเนียมมีความหนาแน่นน้อยน้ำหนักเบา จึงนำไปใช้ทำเครื่องใช้ต่างๆ เครื่องบิน ยานอวกาศ จรวด ขีปนาวุธ เป็นวัสดุก่อสร้าง เช่น ท่อ แผ่นหลังคา กรอบโครงหน้าต่าง ประตูบันได ทำถังภาชนะและถังรถบันทุกอลูมิเนียมบริสุทธิ์ ใช้ทำแผ่นสะท้อนในแฟลซถ่ายรูป จานสะท้อนแสง ในโคมไฟ ไฟหน้ารถยนต์ นอกจากนี้แผ่นอลูมิเนียมที่รีดบางๆ เรียกว่า Aluminum Foil เช่น ซองห่อบุหรี่ และใช้เป็นวัสดุหีบห่อเพื่อความสวยงาม และทำคอนเดนเซอร์วิทยุ
ประโยชน์ของอลูมิเนียม
อลูมิเนียมมีประโยชน์มากมายเห็นได้ทั่วไป นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังใช้ทำภาชนะหุงต้มและหีบห่อ เช่น หม้อ กระทะ ถาด จาน ช้อน การะมัง แก้ว ฯลฯ
การรีไซเคิลเนื่องจากอะลูมิเนียมเป็น ภาชนะที่สามารถ ซึมซับความเย็นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อะลูมิเนียมเป็นที่นิยมในการนำมาผลิตถาดบรรจุอาหาร ถาดใส่อาหาร ภาชนะในครัว ฯลฯ
อะลูมิเนียมมีข้อดีคือ สามารถนำไป รีไซเคิลได้ถาดอะลูเนียมทุกใบสามารถส่งคืนกลับโรงงานเพื่อนำไปผลิตเป็นถาด ฟอยล์ใหม่ได้ โดยไม่มีขีดจำกัดจำนวนครั้งของการผลิต เมื่ออะลูเนียมถูกส่งเข้าโรงงานแล้วจะถูกบดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วหลอมให้เป็นแท่งแข็งจากนั้นอะลูมิเนียมแท่งจะถูกนำไปรีดให้เป็นแผ่นแบน บาง
อลูมิเนียมจะเป็นภาคอุตสาหกรรมแรกของโลกที่ช่วยลดก๊าซ เรือนกระจก
การใช้โลหะรีไซเคิลมากขึ้นและการใช้อลูมิเนียมในตลาดการขนส่งจะทำให้ ภาวะก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากอะลูมิเนียม อยู่ในภาวะป็นกลางภายในปี 2560 ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมเป็นภาคอุตสาหกรรมแรกที่สามารถสร้างรูป แบบดังกล่าว
 “เมื่อพิจารณาถึงคุณประโยชน์มหาศาลของอะลูมิเนียมแล้ว จึงเป็นการง่ายสำหรับการรีไซเคิลทั้งแบบแข็งและแบบน้ำหนักเบา โดยภาคอุตสาหกรรมจะสามารถทำให้อากาศจากภาคอะลูมิเนียมอยู่ในภาวะเป็นกลางภาย ในปี 2560 ในปัจจุบันนี้ เท่าที่เราทราบ ยังไม่มีภาคอุตสาหกรรมใดสามารถทำสิ่งนี้ซึ่งจะช่วยแก้ไขภาวะโลกร้อนได้”
การบรรลุผลสำเร็จในการทำให้อากาศอยู่ในภาวะเป็นกลางหมายความว่าผลกระทบ ต่อภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการผลิตอะลูมิเนียมนั้น จะได้รับการชดเชยอย่างเต็มที่ จากการที่อะลูมิเนียมที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ลดน้อยลง
อลูมิเนียมกับการใช้งานทางการแพทย์
อลูมิเนียม อาทิ ฝาเปิดกระป๋องเครื่องดื่มต่างๆ ฝาแบรนด์ ฝาตลับแป้งอลูมิเนียม ฝาจุกน้ำดื่มที่ผลิตมาจากอลูมิเนียม กระป๋องน้ำอัดลม กระป๋องเบียร์ หม้อ กะทะอลูมิเนียมเก่าๆและขยะอลูมิเนียมอื่นๆที่ผลิตจากอลูมิเนียม ยกเว้น กระป๋องกาแฟ และกระป๋องนมสดต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของเหล็ก จะไม่สามารถนำมาใช้ได้
ปัจจุบันมูลนิธิขาเทียมฯ ได้รับบริจาคอลูมิเนียมเป็นจำนวนมากทั้งจากในและต่างประเทศ ก่อให้เกิดปัญหาในการจัดเก็บอลูมิเนียมไม่เพียงพอกับความต้องการทำขาเทียม ให้แก่ผู้พิการขาขาดที่ยากไร้ด้อยโอกาส โดยไม่เลือกเชื้อชาติและศาสนา ซึ่งก็เป็นการช่วยให้ผู้พิการขาขาดได้มีขาเทียมใช้ได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
บริษัท ยูเนียน อินตา จำกัด
306/2-3 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิทย์ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพ 10200
โทร. 02-623-8161-3       แฟกซ์. 02-221-2389
E-mail : info@unioninta.com