Macadamia Browny
ส่วนผสม
น้ำตาลทรายแดง 180 กรัม ถาดอลูมิเนียมฟอยล์+ฝา 3417 2 ชิ้น
แป้งเค้ก 90 กรัม
ผงโกโก้ 25 กรัม
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
วนิลาผง 2 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
เนยสด(เค็ม) 90 กรัม
ไข่ไก่ 80 กรัม (เบอร์ 2 ราวๆ 1 1/2 ฟอง)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 85 กรัม (สำหรับผสมในเนื้อขนม) และ 25 กรัม (สำหรับโรยหน้า)
สำหรับสูตรนี้ สามารถใช้ถั่วชนิดอื่นที่มีรสชาติจืดๆ มันๆ แทนเม็ดมะม่วงหิมพานต์ได้หมดครับ อย่างภาพเปิดเป็น แม็คคาเดเมียนัท ถ้าเป็นถั่วที่คั่วเกลือให้ลดเกลือในสูตรลงเล็กน้อย ราวๆ 1/8 ช้อนชา หรือน้อยกว่า
เริ่มจากการใส่ส่วนผสมแห้งทั้งหมด รวมกัน ในชาม จริงๆสามารถใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์(ส่วนสำหรับผสมในเนื้อขนม) ในขั้นตอนนี้ได้เลย จะเร็วกว่า แต่คราวนี้ผมแยกใส่เพื่อให้เห็นเนื้อส่วนผสม และทำสองถาด ทั้งแบบแม็คคาเดเมียและเม็ดมะม่วง จึงใส่ทีหลัง
แล้วคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันให้หมด ไล่บี้เม็ดน้ำตาลทรายแดง เม็ดแป้ง หรือ เม็ดโกโก้ให้หมด จะใช้วิธีการร่อนก็ได้ โดยร่อนแล้วคว่ำ กระชอนลง เพราะส่วนผสมบางอย่างใหญ่กว่ากระชอน การร่อนจึงทำเพื่อให้ส่วนผสมที่เป็นเม็ดแตกตัวเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ไม่ได้ร่อน ใช้วิธีไล่บี้ส่วนผสมที่เป็นเม็ดด้วยทัพพีแทน
ใส่ส่วนผสมเหลวลงไป นั่นคือเนย และไข่ไก่ หากใช้วนิลาแบบน้ำก็ให้ใส่ไปในขั้นตอนนี้แทน เนยที่ใช้ควรนำออกจากตู้เย็นแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงไปเลย เนยเย็นๆจะทำให้ขนมหนุบ และมีกลิ่นหอมกว่า ช่วงนี้ให้เปิดเตาอบไว้ ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียส
คลุกเคล้าและกวนส่วนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวด้วยพายยางแข็งๆ หรือทัพพี เนื้อขนมจะหนืดมาก วิธีการกวน ให้ทำการไล่บี้เนยที่เป็นก้อนๆ ให้หมด แล้วกวนต่ออีกเล็กน้อย ให้เข้ากัน ไม่ควรกวนนาน เพราะเนยจะเสียความเย็น หากอากาศร้อนหรือจำเป็นต้องกวนนาน ให้นำส่วนผสมไปพักในตู้เย็น ไว้ราวๆ 10 นาทีก่อนอบ
ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือถั่วอื่นๆ ที่ต้องการ ลงไป (หากใส่ในตอนแรกแล้ว ขั้นตอนนี้ก็ให้ข้ามไป) แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถั่วที่ใช้ควรจะสุกแล้ว โดยการคั่ว ทอด หรืออบก็ได้ (ส่วนตัวใช้แบบอบ)
นำไปเกลี่ยลงในถาดฟอยล์ 3417 ให้ความหนาอยู่ราวๆ 1.5 ซม. แล้วโรยหน้าด้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จะได้ขนมราวๆ 2 ถาดกลม ขนาด 7 นิ้ว
นำไปอบ ใช้ระยะเวลาราว 30 นาที ไฟล่างอย่างเดียว หากมีเตาอบไฟบน ให้เปิดไฟบนช่วง 5 นาทีสุดท้าย ก็ได้ครับ เทคนิคอยู่ที่การเช็คสุก คือต้องใช้มือสัมผัสหน้าขนม หากขนมสุก จะให้ความรู้สึกนุ่มมือนิดๆ และรู้สึกได้ถึงความแน่นของเนื้อขนม เนื่องจากโครงสร้างแป้งอยู่ตัวแล้ว แต่หากยังไม่สุก จะฟ่ามคือรู้สึกเหมือนยังมีส่วนที่เหลวๆ อยู่ด้านใน
การเช็คสุกสำคัญมาก เพราะหากขนมสุกเกินไปจะทำให้ได้ขนมที่แข็ง กรอบ หากยังดิบเกินไป จะได้ขนมที่หวาน นิ่ม เยิ้ม แต่หากอบได้พอดี จะได้ขนมที่หนุบหนับ หน้ากรอบเล็กน้อย เนื้อแน่น และรสชาติพอดี
หากแตะหน้าขนมเมื่ออบครบ 30 นาทีแล้ว ยังไม่สุก ให้อบต่ออีก 2 นาทีแล้วแตะหน้าขนมใหม่ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสุก แต่หากแตะหน้าขนมแล้วรู้สึกว่าแข็ง ให้รีบนำออกจากเตา เป่าด้วยพัดลม ให้คลายความร้อน เพราะขนมจะสุกต่ออีกเล็กน้อย
หากขนมสุกพอดีแล้ว ให้ทิ้งไว้ให้เย็นลงในอุณหภูมิห้องตามปรกติ ไม่ต้องแซะออกจากถาด จนกว่าจะเย็น
บราวนี่สูตรนี้เป็นขนมที่มีอายุสั้น แม้จะไม่เสีย แต่การคลายตัวของขนมจะทำให้เนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป จะมีความเป็นคุกกี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือจะกรอบแห้งลง ดังนั้น ควรรับประทานภายใน 3 วัน หากต้องการเก็บรักษาก็ทำได้โดยการห่อด้วย wrap ให้แนบไปกับตัวขนม ไม่ให้น้ำหรืออากาศเข้าออกได้ แล้วแช่เย็นช่องธรรมดา ชั้นล่างๆของตู้เย็น อย่างไรก็ตามคุณภาพของขนมก็ยังคงลดลงตามเวลา เพียงแต่จะช้าลงบ้างเท่านั้น
ขอบคุณสูตรอาหารและภาพประกอบจากคุณ jumjee ห้องก้นครัว พันทิป ค่ะ
บริษัท ยูเนียน อินตา จำกัด
306/2-3 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิทย์ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพ 10200
โทร. 02-623-8161-3 แฟกซ์. 02-221-2389
E-mail : info@unioninta.com
Website : www.unioninta.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น